장려상_03

 Chungnam National University 충남대학교
JIRAJATE SIRIPANICH

ความทรงจำเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

ที่เปลี่ยนชีวิตฉัน

내 인생을 바꾼 10년 전 추억들

ภาษาไทย 태국어

ทุกคนมีโอกาสที่จะได้รับประสบการณ์ดีๆ ในชีวิต เมื่อมีโอกาสเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องปกติที่จะคว้ามันไว้ แต่บางครั้งเราก็พลาดไปเพราะความกลัว  ฉันมีโอกาสได้ไปเกาหลีในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน ในตอนแรกฉันรู้สึกกลัวแต่ฉันก็คว้าโอกาสนี้ไว้และไม่พลาดโอกาสนี้ ทำให้ได้มีประสบการณ์ชีวิตอันยิ่งใหญ่ในประเทศเกาหลี ฉันอยากจะช่วยเหลือทุกคนที่เตรียมตัวที่จะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศผ่านการบอกเล่าจากประสบการณ์นี้ จากนี้ไปฉันจะบอกเล่าช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฉันในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนในเกาหลี
         ในตอนนั้นฉันเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยบูรพา เอกภาษาเกาหลี ได้รับทุนเพื่อเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ณ มหาวิทยาลัยชุงนัม เมืองแทจอน เป็นเวลา 2 เทอม ในปี 2011 เป็นครั้งแรกที่เคยมีโอกาสได้ไปเกาหลี ซึ่งเป็นความใฝ่ฝัน ของนักศึกษาที่เรียนเอกภาษาเกาหลีและฉันได้รับมันทำให้ดีใจมากๆ ฉันศึกษาและเตรียมตัวเป็นอย่างดีเพื่อจะได้ไปใช้ชีวิต ในเกาหลี แต่ว่าในตอนนั้นความสามารถทางภาษาของฉันอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นการไปเรียนที่เกาหลีจึงทำให้เกิดความ กลัวขึ้น แต่ก็ไม่อยากพลาดโอกาสในที่สุดก็ตัดสินใจยืนยันที่จะไปเกาหลี โชคดีที่มหาวิทยาลัยชุงนัมนี้ มีคลับที่เป็นการรวมตัว ของคนเกาหลีและชาติอื่นๆ พวกเขาคอยช่วยเหลือเพื่อนชาวต่างชาติ และคอยช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้ จนถึงทุกวันนี้ ฉันก็ยังรู้สึก ขอบคุณพวกเขาอยู่มากจริงๆ

나의 학교 생활

ในการเรียนโปรแกรมของนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มหาลัยวิทยาลัยชุงนัมนี้ จะเริ่มจากการเข้าไปเรียนปรับพื้นฐานภาษา กับนักศึกษาชาติอื่นๆ  เพื่อให้นักศึกษาต่างชาติได้มีความรู้พอที่จะเข้าเรียนกับชาวเกาหลีได้  จากการเรียนวิชานี้ทำให้ ได้มีโอกาสเรียนร่วมกับเพื่อนชาวต่างชาติอื่นๆ  และได้มีโอกาสทำงานกลุ่มร่วมกัน ซึ่งในการพูดคุยกับเพื่อนต่างชาติ เราใช้ภาษาเกาหลีในการสื่อสารทำให้รู้สึกแปลกใหม่และสนุกสนานมาก
          หลังจากที่ได้เรียนปรับพื้นฐานแล้ว จะเป็นการเรียนในรายวิชาทั่วไป โดยจะเข้าเรียนในรายวิชาที่เหมือนกันกับทาง มหาวิทยาลัยบูรพา หลักๆจะเป็นการเรียนด้านหลักภาษา  และการสอนภาษาเกาหลีในฐานะที่เป็นภาษาต่างประเทศ และในบางรายวิชาที่เกี่ยวกับการประกอบอาชีพ แม้ว่าฉันจะเรียนปรับพื้นฐานมาแล้ว

แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์ สอนเท่าไหร่นัก ทำได้เพียงทำท่าจดตามเท่านั้น และเมื่อจบคาบเรียนก็ไปขอร้องให้เพื่อนเกาหลีช่วยอธิบายสั้นๆง่ายๆ จนเข้าใจว่าอาจารย์สั่งงานอะไร  พอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าสามารถสื่อสารได้คล่องขึ้น  ประกอบกับฉันอยู่หอพักใน มหาวิทยาลัยที่มีเพื่อนร่วมห้องเป็นคนเกาหลีทำให้ได้ใช้ภาษาเกาหลีอยู่ตลอด  ทำให้ในทักษะการฟังและพูดก็เริ่มที่จะ พัฒนาได้ในเวลารวดเร็ว  ดังนั้น การที่เราถูกรายล้อมไปด้วยคนเกาหลีและพูดคุยโดยใช้ภาษาเกาหลีอย่างเลี่ยงไม่ได้นั้น ก็สามารถทำให้เราสามารถเข้าใจภาษาเกาหลีได้มากยิ่งขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่าอายที่จะสื่อสารกับคนเกาหลี
        ทุกรายวิชาที่ฉันลงเรียนนั้น มักจะมีรุ่นพี่ที่ไปทหารกลับมาเสมอ ปกติแล้วเพื่อนชาวเกาหลีจะเคารพรุ่นพี่ที่ไปทหารมากๆ และรุ่นพี่เหล่านั้นมักจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม นอกจากนั้นในฐานะที่พวกเขาเป็นรุ่นพี่ พวกเขาก็จะคอยดูแล น้องๆ  อย่างอบอุ่น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถพบเห็นได้ที่ไทยเลย ฉันรู้สึกแปลกใหม่และคิดว่ามันยอดเยี่ยมมาก  ฉันจึงได้ เรียนรู้ว่า ชาวเกาหลีนั้นไม่เพียงแต่ให้ความเคารพคนที่มีอายุมากกว่าเท่านั้น แต่ยังให้ความเคารพและมีมารยาทกับคนที่ ไปทหารกลับมาอีกด้วย

나와 한국의 4계절

เวลาเรียนเราก็ตั้งใจ เวลาเที่ยวเล่นเราก็ตั้งใจมากเช่นกัน เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีกไหม ดังนั้น 
ในระหว่างที่อยู่เกาหลีฉันจึงทำสิ่งที่อยากจะทำให้ได้มากที่สุด ในช่วงกลางวันเพื่อนๆมักจะชวนฉันไปทานข้าวด้วย บางครั้ง ในตอนเย็นก็ชวนไปดื่มเหล้า ไปคาราโอเกะ ฉันไปด้วยแทบทุกครั้ง บางครั้งมีถึงอีช่า ซัมช่า ก็ตามเขาไปทุกครั้ง เพราะอยากรู้ ว่าเขาใช้ชีวิตแบบไหนกันบ้าง นอกจากนี้ ฉันยังเคยไปเอ็มทีอีกด้วย กิจกรรมเอ็มที คือการที่ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรม ให้เกิดความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น โดยอาจจะเป็นการไปเที่ยวในสถานที่พิเศษหลายวันหลายคืน ถ้าได้ไปครั้งหนึ่งแล้วจะ อยากไปอีกจริงๆ  ในตอนนั้นพวกเราปาร์ตี้และ ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ  จากกิจกรรมนี้เราก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมในการดื่มเหล้า และเกมต่างๆ ในวงเหล้า มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ ดังนั้นถ้ามีโอกาสไปเรียนต่อที่เกาหลีฉันก็อยากจะลองไป เอ็มทีอีกสักครั้ง
        ในที่สุดช่วงเวลาสอบก็มาถึง ช่วงเวลานี้ปกติเป็นช่วงเวลาที่เปิดหูเปิดตาฉันมากๆ จู่ๆเพื่อนเกาหลีถามฉันว่า เธอจองที่อ่านหนังสือในห้องสมุดหรือยัง  และหลังจากนั้นวันต่อมาฉันก็ได้เปิดประสบการณ์นอนที่ห้องสมุดเป็นครั้งแรก  วันนั้นจำได้ว่าอ่านหนังสือไปสักพักและง่วงเลยหลับไป  1 ชั่วโมง ถึงจะน่าอับอายขายหน้า แต่ว่าตอนอยู่ที่ไทยก็ไม่เคย ได้มีประสบการณ์การอ่านหนังสือถึงดึกดื่นแบบนี้ เลยยังปรับตัวไม่ได้ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเพื่อนคนอื่นกำลังจดจ่อ กับการอ่านหนังสือ  ฉันจึงต้องตั้งใจอ่านด้วยเหมือนกัน  ตอนนั้นจึงได้เรียนรู้อีกอย่างหนึ่งว่า ประเทศนี้เป็นประเทศที่ ประชาชนให้ความสำคัญกับการศึกษาจริงๆ  และถ้าเราอยู่ท่ามกลางคนที่ขยันเราจะสามารถเป็นคนขยันเหมือนกับเขาได้ ฉันก็รู้สึกขอบคุณเพื่อนเกาหลีที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันกลายเป็นคนตั้งใจเรียนจนถึงทุกวันนี้ ประทับใจมากจริงๆ
       เวลาผ่านไป ฉันก็เริ่มปรับตัวกับเทอมแรกได้แล้ว ฉันสามารถนั่งรสบัสคนเดียว ขึ้นรถไฟใต้ดินคนเดียว และอ่านหนังสือที่ ห้องสมุดคนเดียวได้อย่างมั่นใจ  และในช่วงปิดเทอม ฉันได้ไปเที่ยวโซล ปูซาน ควังจูกับเพื่อนๆคนไทย และดูเหมือนจะ

เป็น ช่วงเวลาที่ได้ใช้ภาษาไทยเยอะที่สุดแล้วในตอนที่อยู่เกาหลี  เมื่อท่องเที่ยวเสร็จสิ้นแล้วก็ต้องวนกลับมายังชีวิตนักศึกษา ที่ต้องไปมหาวิทยาลัยเช่นเดิม  จริงๆแล้วนั้น ถึงแม้ว่าฉันจะบอกว่าปรับตัวกับการใช้ชีวิตได้แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดอาการ โฮมซิคเลย ในช่วง 3 เดือนแรกฉันก็เกิดอาการคิดถึงบ้านอย่างหนัก แต่ทุกวันก็ได้วิดีโอคุยกับครอบครัว โชคดีที่ประเทศเกาหลี เป็นประเทศที่อินเตอร์เน็ตแรงที่สุดในโลก ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่าย ในบางครั้งตอนที่คิดถึงอาหารไทย พ่อกับแม่จะส่งอาหารแห้งมาทางไปรษณีย์เครื่องบิน ซึ่งราคาแพงมาก ดังนั้นเวลาส่งก็จะส่งของที่ต้องการส่งมาในครั้งเดียว
          ประเทศเกาหลีเป็นประเทศที่สะดวกสบายมากในการช้อปปิ้งในอินเตอร์เน็ต เพราะระบบการขนส่งค่อนข้างรวดเร็ว และสามารถขนส่งได้ภายในหนึ่งวัน ที่เกาหลีจะมีเว็ปไซต์ช้อปปิ้งมากมาย ในตอนนั้นแม้ฉันจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็สามารถ ใช้อินเตอร์เน็ตช้อปปิ้งได้  ในช่วงที่ฉันเบื่อๆก็จะช้อปปิ้งเสมอ เพราะสามารถได้รับสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีความสุข มากๆ   และในตอนที่ฉันจะกลับประเทศไทย ฉันได้ส่งข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จำพวกเสื้อผ้า รองเท้า และหนังสือเรียนมาไทย โดยเลือกส่งกลับทางเรือ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน

ฉันใช้ชีวิตที่ประเทศเกาหลีตั้งแต่เดือนกุมภาถึงเดือนธันวาคม ทำให้ฉันโชคดีได้เจอกับฤดูกาลทั้ง 4 ฤดูของเกาหลี มันสุดยอดมากจริงๆ  พอได้อยู่ในระยะเวลานานๆ ทำให้เราเรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวันในแต่ละฤดู  เข้าใจแฟชั่นที่เปลี่ยนไป ตามฤดูกาล รวมถึงการทานอาหารตามฤดูกาลของชาวเกาหลี นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมเล็กๆน้อยๆที่ฉันรู้สึกชอบอีกด้วย ฉันไม่แน่ใจว่าสามารถเรียกมันว่าวัฒนธรรมได้ไหม อาทิเช่น ในฤดูหนาว มีการแช่นมกล้วยหรือโซจูที่นอกหน้าต่าง  การทาน ไอศกรีมตอนหิมะตก การทานรามยอนโดยใช้ฝาของคัพแทนถ้วย คนเกาหลีอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับฉัน ฉันคิดว่ามันเป็นอะไรที่ดูน่ารักและที่ประเทศไทยไม่มีทางได้ทำแน่ๆ  สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากการเรียนที่ประเทศเกาหลีคือ ทักษะทางด้านการใช้ชีวิต ว่าทำแบบไหนจะกลมกลืนกับชาวเกาหลี ถ้าเราทำแล้วรู้สึกไม่อึดอัดฉันคิดว่าเราประสบความ สำเร็จในการใช้ชีวิตที่ประเทศเกาหลีแล้ว 
สุดท้ายสิ่งที่ฉันอยากจะบอกคือ การเรียนภาษาเกาหลีที่ประเทศไทยอาจจะทำให้เรามีความรู้ทางด้านภาษา และเรียนรู้ เกี่ยวกับวัฒนธรรมได้ประมาณหนึ่ง แต่ว่าถ้าหากได้เรียนภาษาเกาหลีที่ประเทศเกาหลีแล้ว เราไม่เพียงแต่ จะได้ความรู้ และเรียนรู้วัฒนธรรมเท่านั้น แต่จะได้เรียนรู้วิธีที่จะปรับตัวและใช้ชีวิตให้กลมกลืนกับชาวเกาหลี  น่าเสียดาย ที่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ไม่ได้มีโทรศัพท์ที่สามารถถ่ายรูปได้ชัดเท่ายุคสมัยนี้  ในบางครั้งที่อยากจะถ่ายยรูปสวยๆแต่มันถ่ายออกมา แล้วไม่ชัดจนต้องลบทิ้งไปก็มี แต่ถ้าเป็นในปัจจุบันนี้ การถ่ายภาพให้ออกมาสวยๆคงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ดังนั้น ถ้าหากคุณได้มีโอกาสที่จะเรียนต่อที่ประเทศเกาหลีก็ควรจะคว้าโอกาสนั้นไว้ และลองสร้างประสบการณ์ที่หลากหลาย  รวมถึงบันทึกภาพอันสวยงามของสิ่งต่างๆในประเทศเกาหลีดูเหมือนกันกับฉัน 

친구와 함께 즐거운 시간

ภาษาเกาหลี 한국어

내 인생을 바꾼 10년 전 추억들

사람은 살면서 큰 경험을 하게 될 기회가 생깁니다. 
기회가 되면 꼭 잡는 것이 당연하지만 가끔 두려운 마음에 놓치기도 합니다. 저는 교환 학생으로서 한국에 갈 기회가 생겼었는데 처음에는 두려운 마음이 컸습니다. 하지만 저는 그 기회를 꼭 잡고 놓치지 않았고 살면서 가장 큰 경험을 한국에서 하게 되었습니다. 
이 경험의 공유를 통해 유학을 준비하는 모든 사람에게 도움이 되고 싶습니다. 

제 인생에서 가장 소중했던 순간이었던 한국에서의 교환 학생 생활을 지금부터 보여드리겠습니다.

 저는 10년 전 2011년에 부라파대학교 동양어문학과 한국어 전공 3학년생이었습니다. 
그때 대전 광역시 충남대학교에서 2학기 교환 학생으로 선정되어서 처음으로 한국에 갈 기회가 생겼습니다. 
거의 모든 한국어 전공 대학생들의 꿈이었던 한국에 갈 기회를 받아서 너무 기뻤습니다. 
그렇지만 그때 저의 한국어 실력은 정말 낮은 수준이었습니다. 
그래서 한국에 가는 것이 두려웠지만 기회를 놓치고 싶지 않아서 한국에 가게 되었습니다. 
다행히 충남대학교에는 한국인들이 모여서 외국인 친구들을 돕는 동아리가 있었습니다. 그들은 항상 외국인 학생들을 도와주고 문제가 있을 때도 항상 해결해주었습니다. 
저는 지금까지 그들에게 감사한 마음을 가지고 있습니다. 

   충남대학교에서 교환 학생 프로그램을 공부하기 전에 한국어 기초 과정을 배워야 했습니다. 
이 과정은 교환 학생들이 한국인과 함께 공부할 수 있게끔 충분한 지식을 갖추는 사전 과정이었습니다. 
이 과정 안에서는 다른 나라에서 온 대학생들과 함께 배우는 기회가 있었습니다. 외국인 친구들과 같이 수업을 듣고 조별로 활동도 했습니다. 
외국인 친구들과 한국어로 이야기를 나누는 것은 정말 신기하고 재미있었습니다. 

 한국어 기초 과정 수업이 끝나고 나서 일반 과정의 시간이 시작되었습니다. 부라파대학교의 한국어 전공과목과 똑같은 과정에 등록하고 수업에 들어갔습니다. 
등록한 과정은 한국어 문법에 대한 과목, 한국어를 외국어로써 가르치는 과목, 그리고 직업과 관련된 과목 등이 있었습니다. 처음에는 한국어 기초 과정 수업을 들었는데도 불구하고 선생님께서 가르치시고 있는 내용을 잘 이해하지 못했습니다. 저는 열심히 메모하는 척하기만 했습니다. 
그리고 수업이 끝난 후에 한국인 친구에게 간단하게 설명해 달라고 부탁했습니다. 이렇게 수업을 하다 보니까 조금씩 한국어 의사소통 능력이 늘어간다는 것이 느껴졌습니다. 그리고 한국인 룸메이트와 함께 대학교 기숙사에 살았기 때문에 제대로 한국어를 사용할 수 있게 되었습니다. 
특히 듣기와 말하기 능력이 매우 빠르게 발전하기 시작했습니다. 
이렇게 한국인들에게 둘러싸여서 한국어로 대화를 무조건해야 한다는 것 덕분에 한국어 이해력에 진짜 큰 도움이 되었습니다. 

여기서 가장 중요한 것은 한국인들하고 대화할 때 부끄러워하지 않는 것입니다. 
   

제가 들었던 모든 수업에는 군대를 갔다 온 선배들이 있었습니다. 
보통 한국 친구들은 군대를 갔다 온 선배를 정말 존경했고 항상 그 선배를 학회장으로 뽑았습니다. 그 선배들도 학회장으로서 후배들을 잘 겨주고 따뜻하게 대해 주었습니다. 

이것은 정말 태국에서는 겪지 못하는 상황이라서 조금 신기했고 정말 대단하다고 생각했습니다. 
한국 사람들은 나이가 많은 사람뿐만 아니라 군대에 갔다 온 선배들에게도 꼭 존경하고 예절이 발라야 한다는 것을 알게 되었습니다.
 
   저는 공부할 때 열심히 했고 노는 것 또한 열심히 했습니다. 
한국에 다시 올 기회가 있을지 없을지 몰라서 한국에서 하고 싶었던 것들을 할 수 있을 만큼 다 했습니다. 
한국 친구들은 항상 저에게 점심을 같이 먹자고 하고 밤에도 술 한잔하거나 노래방에 가자고 했습니다. 
저는 한국인들이 어떻게 생활하는지 알고 싶어서 자주 따라갔습니다. 
가끔 2차, 3차까지도 따라갔습니다. 
이외에도 한국 친구들과 엠티에도 가 본 적이 있었습니다. 엠티는 대학과 사회인을 포함한 각종 모임에서 구성원 간의 친밀도를 높이기 위해 구성원이 자주 모일 수 있는 자리가 아닌 곳으로 며칠 단위로 여행을 가는 것입니다. 
한번 가보시면 다시 가고 싶을 것입니다. 
그때 멋진 파티를 하고 선배와 친구와 많은 활동을 했습니다. 그리고 이 활동에서 한국의 술 문화와 술자리 게임을 많이 배웠습니다. 
참 행복한 시간이었습니다. 
그래서 만약에 다시 한국에서 유학할 기회가 생기면 엠티에 꼭 다시 가 보고 싶습니다.

어느덧 드디어 시험 기간이 왔습니다. 
이 기간은 오히려 저에게는 보통 아주 신나는 시간이었습니다. 
그런데 갑자기 한국인 친구가 저에게 도서관 자리를 잡았냐고 물어봤습니다. 
그리고 그 다음 날에 저는 제 인생에서 처음으로 도서관에서 잠을 자는 경험을 했습니다. 
그날에 저는 공부를 하다가 너무 졸려서 1시간동안 잤습니다. 너무 창피하지만 태국에 있을 때는 밤늦게까지 공부해 본 적이 없어서 적응하지 못했습니다. 깨어보니까 다른 한국 친구들은 집중적으로 공부하고 있는 것을 봤고 갑자기 저도 집중적으로 공부해야 한다는 생각이 들었습니다. 
그때 한국 학생들의 학교생활을 하나 더 배울 수 있었습니다. 

이 나라는 국민들이 교육을 정말 중요하게 여기는 나라라고 생각했습니다. 그리고 부지런하고 활동적인 사람들에게 둘러싸여 있으면 똑같이 부지런하게 될 수 있을 거라는 생각이 들었습니다. 
한국 친구들 덕분에 공부를 
열심히 할 수 있게 돼서 정말 감동했습니다.
 
    시간이 지나서 저는 첫 학기에 잘 적응하고 있었습니다. 
자신 있게 혼자 버스를 탈 수 있고 지하철도 탈 수 있으며 도서관에서 밤늦게까지 혼자 공부를 할 수 있게 되었습니다. 그리고 방학 때는 태국인 친구들과 서울, 부산, 광주를 여행했습니다. 
아마도 한국에서 사는 동안에 태국어를 가장 많이 썼던 시간이었습니다. 
여행이 끝나고 다시 대학에 돌아가서 학생 생활이 시작됐습니다. 
사실 저는 첫 학기가 지나가면서 한국 생활에 적응을 잘했다고 했지만, 향수병이 전혀 없는 것은 아니었습니다. 
제 한국 생활의 처음 3개월은 향수병에 심하게 걸렸었는데 매일 가족과 영상통화를 하며 극복했습니다. 
다행스럽게 한국의 인터넷은 세계적으로 1위라서 부모님과 인터넷으로 연락을 쉽게 할 수 있었습니다. 가끔 태국 음식이 생각나면 부모님께서 국제우편으로 마른 반찬들을 보내주셨습니다. 배송비가 매우 비쌌기 때문에 보내고 싶은 것을 한꺼번에 다 보내야 되었습니다. 

하지만 요즘은 한국에서 태국 음식이나 원재료 사기가 더 이상 어렵지 않다고 들었습니다. 
그래서 태국인들이 한국에서 살기가 훨씬 더 편리해진 것 같습니다.
         

한국은 인터넷 쇼핑이 정말 편리한 나라입니다. 
한국의 배송 시스템은 상당히 빠르고 보통 하루 만에 배송이 가능합니다. 한국에는 정말 많은 인터넷 쇼핑 사이트가 있습니다. 
그때 저는 외국인이었지만 인터넷 쇼핑을 할 수 있었습니다. 
저는 항상 심심할 때 인터넷 쇼핑을 했고 항상 일찍 받을 수 있어서 행복했습니다. 
그리고 태국으로 돌아올 때 의류, 신발 및 교과서와 같은 물건을 배로 보낼 수 있었습니다. 
약 3개월이 걸렸습니다.
 
   저는 한국에서 2월부터 12월까지 살았었기 때문에 한국의 사계절을 모두 다 겪을 수 있어서 정말 좋았습니다. 
이렇게 긴 시간 동안 살아 보니까 계절마다 변화되는 일상생활의 방법을 배울 수 있었습니다. 계절에 따라 바뀌는 패션도 점점 이해하게 됐고 계절에 따라 먹는 음식도 달라진다는 것을 배웠습니다. 

한국 사람들이 생활하는 것을 보고 따라 하면 우리도 충분히 적응할 수 있습니다. 
그리고 저에게는 소소하지만 정말 맘에 드는 한국 문화가 있습니다. 
한국 문화라고 부를 수 있을지도 모르겠지만 정말 좋습니다. 

예를 들자면, 
겨울에 창밖으로 바나나 우유나 소주를 시원하게 보관하는 것, 
눈이 내려 추울 때 아이스크림을 먹는 것, 
그리고 컵라면의 뚜껑으로 라면을 담아 먹는 것 등입니다. 
한국 사람에게는 흔하다고 생각되겠지만 저에게는 너무 귀엽게 느껴지고 태국에서는 전혀 접할 수 없는 문화라고 생각합니다. 

이런 문화를 이해하는 것 또한 유학 중에 한국 사람들과 조화롭게 생활하는 방법 중 하나입니다. 
한국 문화에 익숙해질 방법을 배우고 한국인과 생활해 보고 불편하지 않게 된다면 한국 유학 생활을 잘 하는 것이라고 말할 수 
있습니다. 
 

제가 마지막으로 하고 싶은 말은 
태국에서도 한국어를 공부하면 어느 정도 한국인들과 한국어로 이야기할 수 있고 책을 통해서 한국 문화도 알 수 있습니다. 

하지만 한국에서 공부하면 언어와 문화에 대한 지식만 아니라 한국 사람들과 조화롭게 적응하고 사는 방법도 배우게 될 것입니다. 
10년 전에는 사진을 잘 나오게 찍을 수 있는 휴대폰 기술이 없었기 때문에 너무 아쉬웠습니다. 한국의 많은 것들을 멋진 사진으로 남기고 싶었는데 사진이 예쁘지 않아서 그냥 삭제해 버린 경우가 많았습니다. 
하지만 지금은 사진을 잘 나오게 찍는 것이 어려운 일이 아닙니다. 

그래서 한국에서 유학할 기회가 생기면 꼭 잡고 저와 같이 한국에서 유학 생활 경험을 다양하게 해 보시고 한국의 많은 것들은 멋진 사진으로 남기시기 바랍니다.